วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2551

แนวข้อสอบคำสั่งตรวจซ่อม

1. คำสั่ง ping คือ
ก. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ข. ค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง
ค. ดูหมายเลข card lan
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ

2. ข้อใดคือ วิธีการใช้คำสั่ง ping สำหรับเครื่องที่ใช้ Windows
ก. ใช้ Dos prompt
ข. option
ค. ran
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ใช้ Dos prompt

3. คำสั่ง tracert มีหน้าที่อะไร
ก.ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ข. ค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง
ค. ดูหมายเลข card lan
ง. ตรวจสอบการเดินทางไปยังปลายทาง
ตอบ ง. ตรวจสอบการเดินทางไปยังปลายทาง

4. คำสั่ง ARP – ดูหมายเลข card lanหน้าที่คืออะไร

ก.ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
ข. ค่าต่าง ๆ ภายในเครื่อง
ค. ดูหมายเลข card lan
ง. ตรวจสอบการเดินทางไปยังปลายทาง
ตอบ ค. ดูหมายเลข card lan
5. ทางคณะทำงานของ IEEE802.3z ได้เสนอการนำอุปกรณ์ Gigabit Ethernet ไปใช้ทดแทนนอุปกรณ์ต่างๆที่มีอยู่แล้วเพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลโดยแบ่งได้กี่ขั้นตอน
ก. 4 ขั้นตอน
ข. 5 ขั้นตอน
ค. 6 ขั้นตอน
ง. 7 ขั้นตอน
ตอบ ข. 5 ขั้นตอน

6. การเข้าใช้คำสั่ง pingคือข้อใดวิธีการ
ก. Start > Run > พิมพ์ Command >OK
ข. run
ค. run>ok
ง. ก. และ ค
ตอบ ก. Start > Run > พิมพ์ Command >OK

7. ข้อใดเป็นค่าของ ping
ก. Ping 10.10.2.138
ข. Ping 10:10:2:138
ค. Ping 10,10,2,138
ง. Ping 10;10;2;138
ตอบ ก. Ping 10.10.2.138

8. วิธีการตรวจสอบ option ของ ping มีรูปแบบอย่างไร
ก.Ping /?
ข. Ping
ค. Ping /
ง. ไม่มีข้อถูก
ตอบ ก.Ping /?

9.หากต้องการดูสถิติในระบบ,สถานะ,protocol ควรใช้คำสั่งใด
ก. ipconfig
ข. netstatsk
ค. ping
ง. ARP
ตอบ ข. netstatsk

10. การ ping เป็นการทดสอบอะไร
ก. ดูสถิติในระบบ,สถานะ,protocol
ข. ARP
ค. เครื่องคอมพิวเตอร์ปลายทาง ไม่มีตัวตน หรือยังไม่ได้เชื่อมต่อกับเครือข่าย
ง. ทดสอบว่าเส้นทางสื่อสารจากเครื่องที่ใช้อยู่ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่าย ว่ายังใช้การได้อยู่หรือไม่

ตอบ ง. ทดสอบว่าเส้นทางสื่อสารจากเครื่องที่ใช้อยู่ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในเครือข่าย ว่ายังใช้การได้อยู่หรือไม่

แนวข้อสอบ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์
1. อินเตอร์เน็ตคืออะไร
ก. การรับข้อมูล
ข. การส่งข้อมูล
ค. การตรวจข้อมูล
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง.ถูกทุกข้อ

2. เทคนิคหลายอย่างที่นํามาใช้ในการรอคอยเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันซ้ำสอง หนึ่งในนั้นคือคํานวณการเพิ่มระยะเวลารอคอยแบบใด
ก. แบบ Exponential
ข. In-house Tecgnolohy
ค. (CSMA/CD)
ง.ก และ ค
ตอบ ง. ก และ ค

3. ข้อใดคือระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ก. ระบบเครือข่ายบริเวณกว้าง
ข. ระบบเครือข่ายบริเวณยาว
ค. ระบบเครือข่ายบริเวณแคบ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก. ระบบเครือข่ายบริเวณกว้าง

4.การนำข้อมูลแบ่งออกเป็นส่วน ๆที่เรียกว่า “แพ็กเกต” ซึ่งภายในแพ็กเก็ตจะบรรจุด้วยแมคแอดเดรส เพื่อเป็นตัวระบุเครื่องคอมพิวเตอร์บนเครือข่าย โดยจะใช้กระบวนการส่งข้อมูลแบบใด
ก. CSMA/DC
ข. CSMA/CD
ค. CSMA/DB
ง. CSMA/DD
ตอบ ข. CSMA/CD

5.ในปีพ.ศ.ใดที่มีการประกาศใช้มาตรฐาน DIX (digital-intel-Xerox)ที่ทำงานบนสายโคแอกเซียลซี่งอนุญาณให้ใช้ความเร็ว10:1 วินาที
ก. 1978
ข. 1979
ค. 1975
ง.1976
ตอบ ข. 1979

6.อะไรคือข้อเสียของสายโคแอกเซียลแบบหนา
ก. ความยาวของสายถึงฮับสั้นและฮับขนาดใหญ่ราคาแพง
ข.ราคาแพง
ค. ถ้าสายเคเบิลขาดหรือหัวต่อหลวมจะทำให้ระบบเสียหาย
ง. ผิดทุกข้อ
ตอบ ค. ถ้าสายเคเบิลขาดหรือหัวต่อหลวมจะทำให้ระบบเสียหาย

7. ข้อดีของสายเคเบิลคู่คือ
ก.ใช้เป็นเครือข่ายกระดูก
ข. เชื่อมโยงระหว่างตึกทนทานต่อการถูกรบกวนได้เป็นอย่างดี
ค. ถูกสุด
ง.ดูแลรักษาง่าย
ตอบ ง.ดูแลรักษาง่าย

8. 10Base-T Tในที่นี้หมายถีงอะไร
ก.Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่า เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่งสัญญาณ
ข. Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่า เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่งข้อมูล
ค. Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่า เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่งภาพ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ก.Twisted Pair ลักษณะนี้แสดงว่า เป็นระบบเครือข่าย Ethernet ที่ใช้สาย Twisted Pair เป็นสื่อในการส่งสัญญาณ

9.อุปกรณ์ 10Base-T Transceiver ภายนอก ซึ่งถูกเรียกว่า
ก. MAU (Media Attachment Unit
ข. UTP
ค. LAN Card
ง. Unit
ตอบ ก. MAU (Media Attachment Unit

10. ฟาสต์อีเทอร์เน็ตหรือมักเรียกว่า
ก. การส่งข้อมูล
ข. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูง
ค. การรับข้อมูล
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ข. อีเทอร์เน็ตความเร็วสูง

วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2551

1. CIDR table class A,B,C
CLASS A
N.H.H.H 11111111.11000000.00000000.00000000
mark subnet mask subnet host subnet *host
2 255.192.0.0 2^2=4-2=2 2^22=4194304-2=4194302
CLASS B
N.N.H.H 11111111.11111110.00000000.00000000
mark subnet mask subnet host subnet *host
7 255.254.0.0 2^7=128-2=126 2^17=131072-2=131070
CLASS C
N.N.N.H 11111111.11111111.11111111.11111100
mark subnet mask subnet host subnet *host
6 255.255.255.252 2^6=64-2=62 2^2=4-2=2 ?
2. ออกข้อสอบ ปรนัย (พร้อมเฉลย) 10
ข้อ1. ถ้า subnet =2 ในclass a จะมี mask กี่ bit
a. 4 bit
b. 3 bit
c. 2 bit
ตอบ 2 bit
2. ถ้า mask 7 bit class b มี host?
a. 131070 host
b. 131072 host
c. 131073 host
ตอบ 131070 host
3. mask 6 bit class c หมายเลข subnet mask?
a 255.255.255.255
b 255.255.255.252
c 255.192.0.0
ตอบ 255.255.255.252
4. 255.254..0.0 class b host?
a. 131073
b. 131075
c. 131070
ตอบ 131070
5. subnet mask 255.192.0.0 อยู่ใน class?
a classb
b class c
c class a
ตอบ c class a
6. mask 2 bit class a เลขฐาน 16 คือ
a.11111111.11000000.00000000.00000000
b.1111111.11111111.00000000.00000000
c.11111111.00000000.00000000.00000000
ตอบ a.11111111.11000000.00000000.00000000
7. mask 2 bit ของclass a ได้กี่subnet
a. 2^2=4-2=2
b. 2^9=512-2=510
c. 2^17=131072-2=131070
ตอบ a. 2^2=4-2=2
8. mask 6bit class b หมายเลข host?
a . 2^9=512-2=510
b . 2^18=262144-2=262142
c . 2^17=131072-2=131070
ตอบ b . 2^18=262144-2=262142
9. mask 7bit ของ class b มีหมายเลข subnet mask คืออะไร
a.255.255.255.255
b. 255.254.0.0
c. 255.255.0.0
ตอบ b. 255.254.0.0
10. mask 2bit class c หมายเลข subnet ?
a. 2^2 =4-2=2
b . 2^18=262144-2=262142
c . 2^18=262144-2=262142
ตอบ a. 2^2 =4-2=2
3. ออกข้อสอบ อัตนัย (พร้อมเฉลย) 10 ข้อ
1. mask 2 bit ของclass a ได้กี่subnet
ตอบ 2^2=4-2=2
2. จงหา mask 6 bit class c หมายเลข subnetคืออะไร
ตอบ mask6 bitมีหมายเลข subnetคือ 2^6=64-2=62
3. mask 7bit ของ class Bได้กี่ host
ตอบ2^9=512-2=510
4. mask 6 bit ของclass c ได้กี่ host
ตอบ 2^2=4-2=2
5 mask 7bit ของ class b มีหมายเลข subnet mask คืออะไร
ตอบ 255.254.0.0
6. mask 2 bit class B หมายเลข subnet ?
ตอบ 2^2=4-2=2
7. mask 6 bit class a หมายเลข host ?
ตอบ 2^18=262144-2=262142
8. mask 2bit class c หมายเลข subnet ?
ตอบ 2^2 =4-2=2
9. mask 7bit class a หมายเลข host ?
ตอบ 2^17=131072-2=131070
10. mask 6bit class b หมายเลข host?
ตอบ 2^18=262144-2=262142

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2551

From:sophang sophaly (phangsophaly@hotmail.com)http://sophaly-phang.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2551

ความหมาย ของ Basic’s IP AddressIP Address
คือหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุดการสื่อสารและรับส่งข้อมูลในระบบ Internet สิ่งสำคัญคือที่อยู่ของคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ดังนั้นเพื่อให้เกิดความถูกต้องแม่นยำ จึ่ง ได้มีการกำหนดหมายเลขประจำเครื่องที่เราเรียกว่า IP Address และเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและซ้ำกัน จึงได้มีการก่อตั้งองค์กรเพื่อ แจกจ่าย IP Address โดยเฉพาะ ชื่อองค์กรว่า Inter NIC (International Network Information Center) อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การแจกจ่ายนั้นทาง Inter NIC จะแจกจ่ายเฉพาะ Network Address ให้แต่ละเครือข่าย ส่วนลูกข่ายของเครื่อง ทางเครือข่ายนั้นก็จะเป็น ผู้แจกจ่ายอีกทอดหนึ่ง ดังนั้นพอสรุปได้ว่า IP Address จะประกอบด้วยตัวเลข 2 ส่วน คือ1. Network Address 2. Computer Address การแบ่งขนาดของเครือข่าย เราสามารถแบ่งขนาดของการแจกจ่าย Network Address ได้ 3 ขนาดคือ1. Class A nnn.ccc.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 1-126) เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากที่สุดถึง 16 ล้านหมายเลข2. Class B nnn.nnn.ccc.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 128-191) เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้มากเป็นอันดับสอง คือ 65,000 หมายเลข3. Class c nnn.nnn.nnn.ccc (nnn ชุดแรก ตัวเลขอยู่ระหว่าง 192-233) เครือข่าย Class A สามารถแจกจ่าย IP Address ได้น้อยที่สุด คือ 256 หมายเลขnnn หมายถึง Network Address ccc หมายถึง Computer Address หมายเลขต้องห้าม เนื่องจากเครือข่ายก็อาจจำเป็นต้องใช้ IP Address ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการจำกัดบางหมายเลขเพื่อใช้เป็นการภายใน

1. Class A ตั้งแต่ 10.xxx.xxx.xxx
2. Class B ตั้งแต่ 172.16.xxx.xxx ถึง 172.31.xxx.xxx
3. Class C ตั้งแต่ 192.168.0.xxx ถึง 192.168.255.xxxสำหรับภายในองค์กร ก็มีหมายเลขต้องห้ามเช่นกัน ได้แก่1. 127.xxx.xxx.xxx หมายเลขนี้ใช้สื่อสารกับตัวเอง2. 0.0.0.0
แปลง IP
209.123.226.16811010001 01111011 11100010 10101000198.60.70.8111000110 00111100 01000110 01010001

CIDR/22
11111111.11111111.11111100.00000000Subnet Mask = 255. 255. 252. 0จำนวนHost = (2^10) - 2 = 1024 - 2 = 1022 Host
/18
11111111.11111111.11000000.00000000Subnet Mask = 255. 255. 192. 0จำนวนHost = (2^14) -2 = 16384 -2 = 16382 Host
/27
11111111.11111111.11111111.11100000Subnet Mask = 255. 255. 255. 240จำนวน Host = (2^5) – 2 = 32 – 2 = 30 Host
ข้อสอบเรื่อง CIDR 5 ข้อ
1. Subnet Mask ของ Length (CIDR) /7 คือข้อ
ก. 248.0.0.0
ข. 252.0.0.0
ค. 254.0.0.0
ง. 255.0.0.0
2. Subnet Mask = 255. 255. 255. 240 แปลงเป็นเลขฐานสองได้ข้อใด
ก. 11000110 00111100 01000110 01010001
ข. 11111111 11111111 11111100 00000000
ค. 11111111 11111111 11000000 00000000
ง. 11111111 11111111 11111111 11100000
3. CIDR มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร
ก. Super net
ข. subnet
ค. broadcast
ง. ไม่มีข้อถูก
4. ข้อใดคือ Subnet Mask ของ IP address 45 . 23 . 21 . 8
ก. 255 . 255 . 0 . 0
ข. 255 . 255 . 255 . 0
ค. 255 . 192 . 0 . 0
ง. 255 . 255 . 255 . 240
5. หมายเลข Host มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าอะไร
ก.Prefix
ข. Suffix
ค. Perfix
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค
ข้อสอบเรื่อง IP 5 ข้อ
1. IP Address มีอยู่กี่บิต
ก. 4 บิต
ข. 8 บิต
ค. 16 บิต
ง. 32 บิต
2. IP Address จะประกอบด้วยตัวเลข 2 ส่วน คืออะไร
ก. Network Address และ Computer Address
ข. Computer Address และ Internet Address
ค. Network Address และ Internet Address
ง. ถูกทุกข้อ
3. 209.123.226.168 อยู่ในclass อะไร
ก. Class A
ข. Class B
ค. Class C
ง. Class D
4. การจำกัดบางหมายเลขเพื่อใช้เป็นการภายใน หมายเลขใดที่อยู่ใน class B
ก. ตั้งแต่ 10.xxx.xxx.xxx
ข. ตั้งแต่ 172.16.xxx.xxx ถึง 172.31.xxx.xxx
ค. ตั้งแต่ 192.168.0.xxx ถึง 192.168.255.xxx
ง. ไม่มีข้อถูก
5. สำหรับภายในองค์กร ก็มีหมายเลขต้องห้ามใช้คือหมายเลขใด
ก. 127.xxx.xxx.xxx
ข. 0.0.0.0
ค. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
ง. ไม่มีข้อถูก

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

202.=11001010
29.00011101
57.00111001
2 .=00000010
CLASS (C)
Data Communications
(geng_gtr@hotmail.com)
http://chaloempol.blogspot.com/
(nongnanfar@hotmail.com)
http://parina-nang.blogspot.com
(kon.jai.ray@hotmail.com)
http://e-wutdy.blogspot.com
(weerachaidong@hotmail.com)
http://weedong.blogspot.com
(tum.naruk@hotmail.com)
http://pinkzosay.blogspot.com
(tip21_@hotmail.com)
http://tanapa.blogspot.com
(b_boy.eg@hotmail.com)
http://ekawit.blogspot.com
(nuthicha@hotmail.com)
http://nuthicha.blogspot.com
(rosri21@hotmail.com)
http://rosri.blogspot.com
(tanoy17@hotmail.com)
http://yakumi-tanoy.blogspot.com
(sek.7@hotmail.com)
http://dekduecub.blogspot.com
(kero_pee_1@hotmail.com)
http://keropee.blogspot.com
(auto_7991@hotmail.com)
http://roseka.blogspot.com
(dexonhud@hotmail.com)
http://chadchawal.blogspot.com
(sompong.sangsing@hotmail.com)
http://sompong19.blogspot.com
(pktp_9@hotmail.com)
http://dexhudmai.blogspot.com
(teawit.la@hotmail.com)
http://longchimyung.blogspot.com/
From:กชพร บุตะเคียน (digital739@hotmail.com)http://kodchaporn.blogspot.com/****************************************************From:ชำนาญ ประสงค์แก้ว (zoromtts@hotmail.com)http://zoromtts.blogspot.com/****************************************************From:สมพงศ์ มนตรีวงศ์ (u-kingdomj@hotmail.com)http://parkminjoong.blogspot.com/****************************************************From:วนิดา เสมศรี (wanidas8@gmail.com)http://wanidas2525.blogspot.com/****************************************************From:จักรพงษ์ พวงคำ (batistu.tar13@gmail.com)http://batistutar13.blogspot.com/****************************************************From:พัทธ์ธิรา พันธจรูญศักดิ์ (phattira_mtt@thaimail.com)http://phattira.blogspot.com/****************************************************From:jack good (search_dan@hotmail.com)http://foxxyy.blogspot.com/****************************************************From:นายไตรรงค์ อารีย์จิตรานุสรณ์http://ubol.blogspot.com/
1. OSI คือ อะไร? คำเต็มคืออะไร?
(ตอบ): Model หรือ OSI Reference Model หรือชื่อเต็มว่า Open Systems Interconnection Basic Reference Model เป็นมาตรฐานการอธิบายการติดต่อสื่อสารและโปรโตคอลของระบบคอมพิวเตอร์
2. OSI model แบงย่อยออกเป็นกี่ช้น? คืออะไรบ้าง?
(ตอบ): โมเดลนี้ได้ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 7 ชั้นอันได้แก่ Application, Presentation, Session, Transportation, Network, Data Link และ Physica
(อ้างอิง) http://th.wikipedia.org/wiki/OSI_Model
3. ชั้นบนสุดของOSI เรียกว่าอะไร? มีหน้าที่อย่างไร?
(ตอบ): ชั้นบนเรียกว่า Process Layer จะเป็น Application protocol ที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับผู้ใช้และให้บริการต่าง ๆ เช่น FTP, Telnet, SNMP ฯลฯ
4. จงอธิบายการรับส่งข้อมูลจากชั้นสูงสุดลงไปในชั้นถัดลง?
(ตอบ): ข้อมูลจากชั้นบนสุด คือชั้นที่ 7 เมื่อถูกส่งลงไปในชั้นถัดลงไป ข้อมูลเดิมก็จะถูกผนึกรวมกับข้อมูลที่ใช้ควบคุมของแต่ละชั้นซ้อนๆกันเป็นลำดับเท่ากับจำนวนชั้นที่ผ่านลงไป ตัวอย่างเช่น Application Data เมื่อถูกส่งลงไปยังชั้นถัดไปก็จะถูกผนึกด้วย Application Header และทั้ง Application Header และ Application Data จะรวมกันเป็นข้อมูลของชั้นที่อยู่ถัดลงไปอีก ซึ่งชั้นที่อยู่ถัดลงไปอีกก็จะผนึกข้อมูลนี้ด้วย Header ของมันเองอีกครั้งหนึ่ง และทั้ง Header และข้อมูลเดิมนี้ก็จะกลายเป็นข้อมูลในชั้นถัดลงไปอีกเรื่อยๆ เป็นเช่นนี้จนกระทั่งถึงชั้นล่างสุด ซึ่งเป็น Physical Layer ซึ่งเมื่อข้อมูลถูกส่งไปถึงปลายทาง ข้อมูลที่ได้รับจะถูกแยก Header ที่เพิ่มเข้ามานี้ออกทีละชั้น ซึ่งเป็นขบวนการย้อนกลับกับด้านส่ง จนกระทั่งถึงชั้นบนสุด จึงจะเป็นข้อมูลของ Application Data ให้ผู้รับตามต้องการ
5. TCP/IP คืออะไร?
(ตอบ): TCP/IP เป็นมาตรฐานที่เกิดขึ้นก่อน OSI 7-Layer Model มาตรฐานของ TCP/IP จึงไม่ใช่มาตรฐานเดียวกันกับของ OSI โดย TCP/IP จะมีการแบ่งจำนวนขั้นตอนที่ใช้รับส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์สองระบบออกเป็น 4 ชั้นเท่านั้น หรือเรียกว่า TCP/IP Stack โดยมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้
.Process Layer
(FTP, Telnet, SNMP)
.Host-to-Host Layer
(TCP)
.Internetwork Layer
(IP)
.Network Interface
(IEEE 802.3, 802.5)

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

1. ผู้ใช้ส่วนใหญ่นิยมแทนรหัสแอสกี้ด้วยเลขฐานอย่างไร?

(ตอบ):

ส่วนใหญ่นิยมแทนรหัสแอสกี้ด้วยเลขฐานสิบ 0-255


2. ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1966 เป็นต้นมา วงการคอมพิวเตอร์ได้กำหนดรหัสที่ใช้เก็บแทนข้อมูลที่เรียกว่าอะไร?

(ตอบ):
เรียกว่า (ASCII : American Standard Code for Information Interchange)
3. คำว่า ASCII คำเต็มคืออะไร?

(ตอบ):
(ASCII : American Standard Code for Information Interchange)

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551

INTROUDUCE ABOUT MY SELF

SOK KIMSATH = 534f4b4b494d53415448
4912252161 = 34393132323532313631
0815798056 = 30383135373938303536